สำรวจความงามเหนือกาลเวลาของฝูเจี้ยนทู่โหลว อัญมณีแห่งวัฒนธรรมของจีน

มณฑลฝูเจี้ยนหรือฮกเกี้ยนในภาษาจีนแต้จิ๋วเป็นมณฑลที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ แม้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เช่น เกาะกู่ลั่งอวี่และบ้านดินถู่โหลว แต่ก็ยังมีอีกหลายสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักสำหรับนักท่องเที่ยวไทย ถู่โหลวแห่งฝูเจี้ยนหรือที่รู้จักกันในชื่อบ้านดินแห่งฝูเจี้ยนเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน อาคารถู่โหลวส่วนใหญ่สร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึง 20 โดยชนเผ่าฮากกา (Hakka) ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หนึ่งของชาวจีนฮั่น ถู่โหลวได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดย UNESCO ในปี ค.ศ. 2008 ด้วยคุณค่าทางสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ที่โดดเด่น

ทูโหล (土楼) ซึ่งแปลว่า “อาคารดิน” เป็นที่อยู่อาศัยแบบชุมชนดั้งเดิมที่สร้างขึ้นโดยชาวฮากกา เป็นหลัก ระหว่างศตวรรษที่ 12 ถึง 20 โครงสร้างขนาดใหญ่คล้ายป้อมปราการเหล่านี้ทำจากดินอัด ไม้ และหิน ทูโหลหลังเดียวมีรูปร่างเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยม สามารถรองรับครอบครัวได้หลายสิบครอบครัว บางครั้งมากถึง 800 คน ภายใต้หลังคาเดียวกัน โดยใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกันในขณะที่ยังคงรักษาหน่วยครอบครัวแต่ละครอบครัวไว้

สิ่งที่ทำให้ทูโหลมีเสน่ห์ดึงดูดใจเป็นพิเศษคือความทนทานทางสถาปัตยกรรม แม้ว่าจะสร้างขึ้นเมื่อหลายศตวรรษก่อน แต่ก็สามารถต้านทานแผ่นดินไหว พายุไต้ฝุ่น และกาลเวลาได้เป็นอย่างดี ในปี 2008 แหล่งโบราณคดีทูโหลของมณฑลฝูเจี้ยนหลายแห่งได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกซึ่งเน้นย้ำถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ระดับโลกของแหล่งโบราณคดีเหล่านี้

ความโดดเด่นของถู่โหลว
สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์: ถู่โหลวมีลักษณะเด่นคือเป็นอาคารดินเผาทรงกลมหรือสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ มีหลายชั้น ผนังสร้างจากดินเหนียว ดินทราย หิน และปูนขาว ผสมกับวัสดุธรรมชาติอื่นๆ เช่น ข้าวเหนียวและน้ำตาลทรายแดง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ผนังหนาหลายเมตรช่วยป้องกันศัตรูและรักษาสภาพอากาศภายในอาคารให้เย็นสบายในฤดูร้อน และอบอุ่นในฤดูหนาว
การออกแบบเพื่อการป้องกันและอยู่อาศัยร่วมกัน: ถู่โหลวถูกออกแบบมาเพื่อเป็นป้อมปราการและที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ในคราวเดียวกัน โดยมีทางเข้าออกเพียงแห่งเดียว และหน้าต่างที่อยู่สูงจากพื้นดินเพื่อความปลอดภัย แต่ละถู่โหลวสามารถเป็นที่อยู่อาศัยของคนทั้งตระกูลหรือหมู่บ้านเล็กๆ ได้มากถึง 800 คน ภายในมีลานกว้างตรงกลาง และห้องต่างๆ ที่จัดสรรให้แต่ละครอบครัวอย่างเท่าเทียมกัน ทำให้เกิดความรู้สึกของการรวมกลุ่มและความสามัคคี
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน: การก่อสร้างถู่โหลวเริ่มขึ้นตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งเหนือ (ราวปี ค.ศ. 1120) ในช่วงที่มีความขัดแย้งและการอพยพครั้งใหญ่จากมณฑลทางตอนเหนือ ชาวฮากกาซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยได้สร้างโครงสร้างดินเหล่านี้ขึ้นเพื่อความปลอดภัยและการอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน

สถานที่ท่องเที่ยวถู่โหลวที่น่าสนใจ
ถู่โหลวมีอยู่หลายแห่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเฉพาะในเขตหนานจิงและหย่งติ้ง กลุ่มถู่โหลวที่เป็นที่รู้จักและนิยมท่องเที่ยวได้แก่:
กลุ่มถู่โหลวเถียนหลัวเคิง : ตั้งอยู่ในเขตหนานจิง เป็นที่รู้จักจากรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์ที่ประกอบด้วยถู่โหลวทรงกลม 3 หลัง สี่เหลี่ยม 1 หลัง และวงรี 1 หลัง เมื่อมองจากมุมสูงจะคล้ายกับ “สี่จานหนึ่งซุป” (Four Dishes and One Soup) ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยม
เฉิงฉี่โหลว : ตั้งอยู่ในเขตหย่งติ้ง เป็นถู่โหลวทรงกลมขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1628 มีชื่อเล่นว่า “ราชาแห่งถู่โหลว”
หยู่ชางโหลว : ตั้งอยู่ในเขตหนานจิง มีชื่อเสียงจากเสาไม้ที่เอียงดูเหมือนจะล้ม แต่ยังคงยืนหยัดมาได้นานกว่า 7 ศตวรรษ
เหอกุ้ยโหลว : เป็นถู่โหลวที่ใหญ่ที่สุดและตั้งอยู่ในบริเวณที่ลุ่มซึ่งมีการสร้างฐานรากด้วยท่อนไม้จำนวนมาก ทำให้ตัวอาคารดูเหมือนลอยอยู่บนพื้นดิน
การเดินทางและการท่องเที่ยว

การเดินทางไปยังถู่โหลวส่วนใหญ่มักเริ่มต้นจากเมืองเซียะเหมิน (Xiamen) หรือเมืองฝูโจว (Fuzhou) โดยสามารถเดินทางโดยรถบัสทางไกล รถไฟความเร็วสูง (ไปลงที่สถานี Longyan หรือ Nanjing แล้วต่อรถประจำทางหรือแท็กซี่) หรือเช่ารถส่วนตัว

ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเยี่ยมชมถู่โหลวคือช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) เนื่องจากสภาพอากาศกำลังสบาย ทิวทัศน์สวยงาม และอาจมีเทศกาลหรืองานวัฒนธรรมท้องถิ่นให้ได้สัมผัส

การท่องเที่ยวถู่โหลวแห่งฝูเจี้ยนเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ซึ่งจะพาคุณย้อนเวลากลับไปสัมผัสวิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมอันชาญฉลาดของชาวฮากกาในอดีต